
เปิดร้านอุปกรณ์การเกษตร เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มาแรงในยุคนี้ เพราะประเทศไทยยังคงเป็นประเทศเกษตรกรรมที่มีเกษตรกรจำนวนมากต้องใช้อุปกรณ์เพื่อเพาะปลูก ดูแลผลผลิต และขนส่งสินค้าสู่ตลาด นอกจากนี้ คนทั่วไปก็เริ่มหันมาสนใจการปลูกต้นไม้ในบ้านมากขึ้น ทำให้ความต้องการอุปกรณ์การเกษตรเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่การเปิดร้านประเภทนี้จะสามารถสร้างยอดขายและทำกำไรได้จริง
สำหรับใครที่กำลังคิดจะเริ่มต้น เปิดร้านอุปกรณ์ทำการเกษตร และอยากรู้ว่าต้องใช้ทุนเท่าไร ต้องเตรียมตัวยังไง และควรเลือกขายสินค้าแบบไหนถึงจะทำกำไรได้ บทความนี้ วัฒนาลัคกี้แวร์ ได้รวบรวมคำตอบมาให้ครบแล้ว
เปิดร้านอุปกรณ์การเกษตร ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
1. สำรวจพื้นที่และศึกษาคู่แข่ง
สิ่งแรกที่ต้องทำคือการสำรวจพื้นที่ว่ามีความต้องการอุปกรณ์การเกษตรมากน้อยแค่ไหน เช่น ในพื้นที่นั้นเป็นชุมชนเกษตรที่ทำนา ปลูกข้าวโพด ทำสวนผลไม้ หรืออื่น ๆ ถ้าเป็นพื้นที่ที่มีเกษตรกรอยู่เยอะ ความต้องการก็ยิ่งมาก
นอกจากนี้ต้องดูด้วยว่ามีร้านคู่แข่งใกล้ ๆ หรือไม่ มีมากน้อยแค่ไหน แต่ละร้านมีจุดเด่นจุดด้อยยังไงบ้าง เพื่อที่เราจะได้หาจุดที่เราสามารถสร้างความแตกต่างได้ เช่น มีสินค้าหลากหลายกว่า มีบริการจัดส่ง หรือให้คำแนะนำที่เป็นมิตร
2. เลือกประเภทสินค้าและหาแหล่งขายส่ง
เมื่อรู้ตลาดแล้ว ขั้นต่อไปคือตัดสินใจว่าจะเน้นขายสินค้าประเภทใด เพราะร้านอุปกรณ์การเกษตรมีสินค้าให้คุณขายมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
- เครื่องมือทำสวน เช่น จอบ เสียม บัวรดน้ำ
- ระบบน้ำ เช่น ท่อ สปริงเกอร์ และปั๊มน้ำ
- ปุ๋ยและสารบำรุงพืช
- เมล็ดพันธุ์พืชชนิดต่าง ๆ
- เครื่องมือช่างที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร
สิ่งสำคัญคือการหาแหล่งขายส่งที่น่าเชื่อถือ สินค้าคุณภาพดี ราคาต้นทุนไม่สูงเกินไป และมีของพร้อมส่งตลอดเวลา หากคุณสามารถเลือกสินค้าให้เหมาะกับเกษตรกรในพื้นที่ และตั้งราคาที่สมเหตุสมผล ลูกค้าก็จะกลับมาซื้อซ้ำเรื่อย ๆ
3. วางแผนงบประมาณ
สิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ในการทำธุรกิจ คือการวางแผนงบประมาณอย่างรอบคอบ เพื่อให้รู้ต้นทุนที่แท้จริง เราจะได้ควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ที่ควรคำนึงถึง ได้แก่
- ค่าเช่าหรือค่าซื้อพื้นที่และการตกแต่งร้าน เพื่อให้ร้านพร้อมใช้งานและน่าเชื่อถือ
- ค่าสินค้าสต็อกชุดแรก สำหรับวางขายให้ครบตามความต้องการของลูกค้า
- ค่าใบอนุญาตต่าง ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด
- ค่าแรงพนักงาน (ถ้ามี) รวมถึงสวัสดิการที่เกี่ยวข้อง
- ค่าใช้จ่ายรายเดือน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ หรืออินเทอร์เน็ต
- ค่างบการตลาด เช่น ทำป้ายหน้าร้าน แจกใบปลิว ลงโฆษณาออนไลน์ (Facebook Ads, Google Ads) หรือทำเพจ/เว็บไซต์ร้าน เพื่อให้คนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ ยังควรเตรียมงบเผื่อค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด เช่น สินค้าชำรุด เสียหาย การกันงบส่วนนี้ไว้เสมอจะช่วยให้คุณรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินได้โดยไม่กระทบต่อการดำเนินธุรกิจ
4. ดำเนินการจดทะเบียนและขอใบอนุญาต
เมื่อวางแผนเรื่องเงินทุนและสินค้าเรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อไปคือการทำให้ร้านถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและป้องกันปัญหาในอนาคต
- จดทะเบียนพาณิชย์ ต้องระบุให้ชัดเจนว่าร้านค้าของคุณขายอะไรบ้าง เช่น ปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ หรือวัตถุอันตราย
- ขอใบอนุญาตจำหน่าย หากจำหน่ายสินค้าควบคุม ต้องขออนุญาตตามกฎหมาย เช่น
- พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย
- พระราชบัญญัติปุ๋ยเคมี
- พระราชบัญญัติพันธุ์พืช
ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต (อ้างอิงข้อมูลจากกรมวิชาการเกษตร)
- วัตถุอันตราย: 500 บาท/ปี/ฉบับ (ผู้ประกอบการต้องผ่านการอบรมและมีใบประกาศนียบัตรเพื่อรับรองว่ามีความรู้และสามารถให้คำแนะนำการใช้อย่างถูกต้องแก่ลูกค้าได้)
- ปุ๋ยเคมี: 200 บาท/ปี/ฉบับ
- พันธุ์พืช: 100 บาท/ปี/ฉบับ
เปิดร้านอุปกรณ์การเกษตร ใช้ทุนเท่าไร
เรื่องเงินทุนคือสิ่งที่หลายคนอยากรู้มากที่สุด ความจริงแล้วการทำร้านขายอุปกรณ์การเกษตรใช้ทุนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับขนาดร้านและสินค้าที่คุณเลือกนำมาขาย
- ร้านเล็ก (เริ่มต้นทดลองตลาด) ใช้ทุนเริ่มต้นประมาณ 50,000 – 100,000 บาท
ร้านอาจจะเช่าพื้นที่เล็ก ๆ หรือใช้พื้นที่หน้าบ้านเป็นร้าน เน้นขายสินค้าพื้นฐานที่ใช้บ่อย เช่น จอบ เสียม บัวรดน้ำ ปุ๋ยอินทรีย์ ข้าวโพดพันธุ์ ข้าวพันธุ์ - ร้านขนาดกลาง ใช้ทุนเริ่มต้นประมาณ 200,000 – 500,000 บาท
มีหน้าร้านชัดเจน อาจอยู่ใกล้ตลาดชุมชน ขายสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น เช่น ปุ๋ยเคมี สารกำจัดศัตรูพืช เมล็ดพันธุ์ เครื่องมือช่าง อุปกรณ์พลาสติกสำหรับการเกษตร เช่น กระบะเพาะเมล็ด เข่ง และหลัว - ร้านขนาดใหญ่หรือขายส่ง ใช้ทุนเริ่มต้นมากกว่า 1,000,000 บาท
มีพื้นที่เก็บสต็อกขนาดใหญ่ มีสินค้าครบทุกหมวด ตั้งแต่ปุ๋ย สารเคมี เครื่องมือเล็ก ไปจนถึงเครื่องจักรเกษตรขนาดเล็ก สามารถขายส่งให้กับร้านเล็ก ๆ ได้
เปิดร้านอุปกรณ์การเกษตร สินค้าอะไรขายดี ทำกำไรปัง!
สินค้าขายดีตลอดปี
- ปุ๋ย ทั้งปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมี
- ยากำจัดศัตรูพืช ที่ถูกกฎหมายและมีมาตรฐาน
- เมล็ดพันธุ์ เช่น ข้าวโพด ข้าว พืชผักสวนครัว
- อุปกรณ์ทำสวน เช่น บัวรดน้ำ จอบ เสียม ถังพ่นยา
สินค้าเสริมที่ช่วยเพิ่มรายได้
- อุปกรณ์พลาสติก เช่น กระบะเพาะเมล็ด ถังน้ำ กระถางต้นไม้
- อุปกรณ์ช่าง เช่น ค้อน เลื่อย ตลับเมตร
- สินค้าเพื่อการขนส่งและเก็บเกี่ยว เช่น เข่ง หลัว ตะกร้า
สินค้าตามฤดูกาล
- ฤดูทำนา: เมล็ดพันธุ์ข้าว ปุ๋ยยูเรีย
- ฤดูผลไม้: เข่งและหลัวสำหรับบรรจุผลไม้
- ฤดูแล้ง: อุปกรณ์รดน้ำ ท่อน้ำ พ่นหมอก
หาพาร์ทเนอร์ที่ไว้ใจได้ เลือกเข่งและหลัวราคาส่ง จากวัฒนาลัคกี้แวร์
หากพูดถึงสินค้าที่ร้านอุปกรณ์การเกษตรแทบทุกร้านต้องมีติดไว้ คือ เข่ง และ หลัว เพราะเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่เกษตรกรใช้กันบ่อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นใช้เก็บเกี่ยวผลผลิตหรือใช้ขนส่งสินค้าไปยังตลาด ร้านค้าที่มีสินค้าเหล่านี้พร้อมขาย ย่อมได้เปรียบทั้งในแง่ยอดขายและการสร้างลูกค้าประจำ
ทำไมต้องเลือกเข่งและหลัวจากวัฒนาลัคกี้แวร์?
- ผลิตจากพลาสติกคุณภาพสูง แข็งแรง ทนแดดทนฝน ใช้งานได้จริงในทุกสภาพอากาศ
- ได้ราคาโรงงาน วัฒนาลัคกี้แวร์เป็นผู้ผลิตเอง ไม่โดนอัปราคาจากพ่อค้าคนกลาง
- มีหลายขนาดให้เลือก ครอบคลุมการใช้งานทั้งสวนผลไม้ ฟาร์มผัก และงานเกษตรทั่วไป
- บริการจัดส่งถึงที่ สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปหาสินค้าเอง
หากคุณกำลังวางแผนเปิดร้านขายอุปกรณ์การเกษตร และมองหาสินค้าที่ขายง่าย ขายได้ตลอดปี เข่งและหลัวจากวัฒนาลัคกี้แวร์ คือคำตอบที่ช่วยให้ร้านของคุณมีสินค้าคุณภาพพร้อมขาย และเพิ่มโอกาสสร้างกำไรได้อย่างมั่นคง
หากใครสนใจสั่งซื้อสินค้าเป็นจำนวนมาก สามารถขอใบเสนอราคาและคุยรายละเอียดจาก วัฒนา ลัคกี้แวร์ ได้ที่เบอร์ 099-016-7579 หรือแอดที่ LINEOA @wlthailand